โบราณสถาน สมัยทวารวดี
1490
รวมโบราณสถานสำคัญๆ ในสมัยทวารวดี ในประเทศไทย(ปัจจุบัน)“ทวารวดี” อาณาจักร์โบราณ อายุเก่าแก่ตั้งแต่ก่อนพุทธศตวรรษที่ 12 (พ.ศ. 1100) ถึงพุทธศตวรรษที่ 15 (พ.ศ. 1400) แถบจังหวัดนครปฐมในปัจจุบัน เป็นสถานที่ค้นพบโบราณสถานและวัตถุหลักฐานมากที่สุด จึงคาดว่าเป็นจุดศูนย์รวมของอาณาจักรทวารวดี ครอบคลุมจังหวัดสุพรรณบุรี ราชบุรี ลพบุรี ไปจนถึงภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบางส่วน และภาคใต้ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี จากหลักฐานทางโบราณคดีพบว่า ชาวมอญและละว้าในอาณาจักรทวาราวดีมีการติดต่อค้าขายทางทะเลอย่างกว้างขวาง เพราะมีเส้นทางออกสู่ทะเลมากมาย เมื่อความรุ่งเรืองของอาณาจักรทวารวดีค่อยๆเสื่อมลง ฝ่ายขอมจึงฉวยโอกาสเข้าตีเมือง อาณาจักรทวารวดีถึงกาลล่มสลายและตกอยู่ในอำนาจของขอมอย่างสมบูรณ์เมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 16
ในสมัยอาณาจักรทวารวดีได้รับอิทธิพลทางศาสนาพุทธและฮินดู สถาปัตยกรรมแบบทวาราวดีที่หลงเหลือถึงปัจจุบันจึงมักเหลือเพียงซากฐานโบราณสถาน ดังเช่นที่พบในแหล่งโบราณคดีที่นครปฐม สุพรรณบุรี ราชบุรี กาญจนบุรี และลพบุรี มักก่ออิฐและใช้สอดิน บางแห่งมีการใช้ศิลาแลงบ้าง การก่อสร้างบริเวณฐานเจดีย์มักเป็นรูปฐานสี่เหลี่ยมผืนผ้า ย่อมุม และมีบันไดลงไปด้านล่าง ส่วนเจดีย์เป็นทรงระฆังคว่ำมียอดแหลมอยู่ด้านบน สันนิษฐานว่าเป็นแบบอย่างที่รับจากศิลปะอินเดียสมัยปาละ
กล่าวคือ สถาปัตยกรรมสมัยทวารวดีที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน เป็นสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นเนื่องในพุทธศาสนาเช่นเดียวกับประติมากรรม ได้แก่ โบสถ์ วิหาร เจดีย์ต่างๆ ซึ่งมักอยู่ในสภาพปรักหักพัง ส่วนใหญ่เป็นอาคารก่ออิฐสอดิน มีแผนผังแตกต่างกันออกไป เช่น ผังรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส สี่เหลี่ยมผืนผ้า หรือผังกลม อิฐที่ใช้มักมีขนาดใหญ่ มีแกลบผสม หรืออาจใช้ศิลาแลงบ้างในบางครั้ง ในจังหวัดนครปฐม ได้พบสถาปัตยกรรมสมัยทวารวดี อยู่หลายแห่งด้วยกัน ที่สำคัญเช่น เจดีย์พระประโทน เจดีย์จุลประโทน เจดีย์วัดพระเมรุ เป็นต้น
ตัวอย่างสถาปัตยกรรมทวารวดีเท่าที่มีการสำรวจทางโบราณคดี อาทิ วัดพระเมรุและเจดีย์จุลประโทน จังหวัดนครปฐม ปรากฏประติมากรรมดินเผาและปูนปั้นประดับอยู่รอบฐาน (ส่วนใหญ่เก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ จังหวัดนครปฐม) และที่อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เมืองคูบัว จังหวัดราชบุรี บ้านโคกไม้เดน จังหวัดนครสวรรค์ เมืองฟ้าแดดสูงยาง จังหวัดกาฬสินธุ์ และเมืองพระรถ ดงศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี
반 동 라콘 유적지 (Ban Dong Lakhon Archaeological Site) 는 사각형 모양의 독특한 레이아웃을 가진 대규모 고대 도시의 유적으로, 흙벽과 해자로 둘러싸여 있습니다. 이 물리적 구조는 드바라바티 시대(불기 11세기~16세기) 고대 도시의 특징입니다. 도자기, 유리 구슬, 철제 도구, 나가 프로크 자세의 불상, 석조 비문, 한때 대규모 종교 건축물의 잔해 등 도시 경계 안팎에서 중요한 유물이 발굴되었습니다. 이러한 발견은 과거의 번영과 수세기 동안 지역 사회 중심지로서의 중요성을 반영합니다.
이 유적지의 주요 특징으로는 스투파 또는 비하라의 유적으로 여겨지는 남아있는 고고학적 둔덕, 독특한 도시 계획, 그리고 인근 지역 박물관에 전시된 유물에서 알 수 있듯이 고고학적 유적지로서의 ... read more
이 유적지의 주요 특징으로는 스투파 또는 비하라의 유적으로 여겨지는 남아있는 고고학적 둔덕, 독특한 도시 계획, 그리고 인근 지역 박물관에 전시된 유물에서 알 수 있듯이 고고학적 유적지로서의 ... read more