
เที่ยว พิษณุโลก เมืองลับแล แบบครบเครื่อง


เที่ยวเมืองสองแคว แวะต่อเมืองลับแล "ห้ามพูดปด"
แอดมินจะพาไปที่ไหนบ้างมาดูกัน
เริ่มจากขับรถจาก กทม ออกแต่เช้า ไม่ควรเกิน 9.00 น. มุ่งหน้าสู่ที่พักภัทรารีสอร์ทใจกลางเมืองพิดโลก
เช็คอิน หรือหากถึงก่อนเวลาเข้าพัก ก็ฝากสัมภาระที่หน้า front แวะเที่ยวพิพิทธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี ก่อนไหว้พระที่วัดใหญ่(วัดพระพุทธชินราช) ทานอาหารดังประจำจังหวัดเมืองสองแคว "ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา" ข้างวัดฝั่งริมน้ำน่าน วันหยุดและเทศกาลที่จอดรถหายากหน่อย จอดที่วัดแล้วเดินมาอาจง่ายกว่า
อิ่มท้องแล้วต่อที่วัดพระศรีมหาธาตุฯ เก็บให้ครบทุกองค์พระ
พระพุทธชินราช
พระพุทธชินสีห์
พระศรีศาสดา
พระสามองค์นี้ อยู่ในวิหารรอบองค์พระธาตุ
พระเหลือ (ใต้ต้นไม้ใหญ่ หน้าวิหารพระพุทธชินราช)
พระอัฏฐารส กลางแจ้งเห็นได้ชัดใกล้ร้านขายของ
อื่นๆอีกเยอะ แอดมินแนะนำให้อ่านก่อนเทียว http://www.gplace.com/2386
ต่อด้วยวัดนางพญาข้ามถนนไปมีฝั่งด้านทิศใต้ของวัดพระศรีมหาธาตุฯ ดังเรื่องพระเครื่อง "วัดนางพญา"
ถึงเวลาเย็นอาจต่ออาหารเย็นที่ร้านอาหารแพริมลำน้ำน่าน ชิลๆบรรยากาศซะหน่อย หรือกลับเข้าที่พักแล้วแต่ตามอัทธยาศัย แต่แอดมินแนะนำหากยังไม่ได้ทานอาหารเย็น เดินเล่นถนนคนเดินกลางคืนหาของทานเง่ายริมทาง แล้วเข้าที่พัก
เช้ามา เตรียมเช็คเอ้าว์ไปเมืองที่ห้ามพูดปด "เมืองลับแล" ระหว่างขับรถ หากมีโอกาสหาน้ำตาลสดๆดื่มแก้กระหายคลายร้อน จากร้านริมทาง
มือกลางวัน ของแอดมินเองฝากท้องไว้กับร้าน "เรือนพี่เรือนน้อง" ขนมจีนที่นี่ ทำเองสดๆ บรรยากาศแบบเรือนไม้บ้านๆ ฟินดี ผ่านมาที่ไรต้องแวะทาน
ก่อนเข้าเมืองลับแลจะผ่าน 2 วัดใหญ่ คือ วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง และวัดพระแท่นศิลาอาสน์ หากมีเวลา ควรเที่ยวทั้งสองที่
ถ่ายรูปคุ่ประตูเมืองลับแล เที่ยววัดดอนสัก ชมบานประตูไม้จำหลักโบราณ แสดงถึงชั้นเชิงในฝีมือช่างไม้ของคนในสมัยอยุธยา
แวะช็อป ดื่มน้ำ ทานอาหาร ที่ร้านม่อนลับแล ก่อนตีรถกลับ ของน่าซื้อในเมืองลับแล.... "ไม้กวาดริมแดง" ทำไมต้องริมแดง อ่านต่อ http://goo.gl/ELWcjP ทุเรียนก็ขึ้นชื่อน่ะ แต่รสชาติไม่อร่อย
ปล. แต่ละรายการท่านอาจสลับเปลี่ยนแปลงเองได้ตามความเหมาะสม
แอดมินจะพาไปที่ไหนบ้างมาดูกัน
เริ่มจากขับรถจาก กทม ออกแต่เช้า ไม่ควรเกิน 9.00 น. มุ่งหน้าสู่ที่พักภัทรารีสอร์ทใจกลางเมืองพิดโลก
เช็คอิน หรือหากถึงก่อนเวลาเข้าพัก ก็ฝากสัมภาระที่หน้า front แวะเที่ยวพิพิทธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี ก่อนไหว้พระที่วัดใหญ่(วัดพระพุทธชินราช) ทานอาหารดังประจำจังหวัดเมืองสองแคว "ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา" ข้างวัดฝั่งริมน้ำน่าน วันหยุดและเทศกาลที่จอดรถหายากหน่อย จอดที่วัดแล้วเดินมาอาจง่ายกว่า
อิ่มท้องแล้วต่อที่วัดพระศรีมหาธาตุฯ เก็บให้ครบทุกองค์พระ
พระพุทธชินราช
พระพุทธชินสีห์
พระศรีศาสดา
พระสามองค์นี้ อยู่ในวิหารรอบองค์พระธาตุ
พระเหลือ (ใต้ต้นไม้ใหญ่ หน้าวิหารพระพุทธชินราช)
พระอัฏฐารส กลางแจ้งเห็นได้ชัดใกล้ร้านขายของ
อื่นๆอีกเยอะ แอดมินแนะนำให้อ่านก่อนเทียว http://www.gplace.com/2386
ต่อด้วยวัดนางพญาข้ามถนนไปมีฝั่งด้านทิศใต้ของวัดพระศรีมหาธาตุฯ ดังเรื่องพระเครื่อง "วัดนางพญา"
ถึงเวลาเย็นอาจต่ออาหารเย็นที่ร้านอาหารแพริมลำน้ำน่าน ชิลๆบรรยากาศซะหน่อย หรือกลับเข้าที่พักแล้วแต่ตามอัทธยาศัย แต่แอดมินแนะนำหากยังไม่ได้ทานอาหารเย็น เดินเล่นถนนคนเดินกลางคืนหาของทานเง่ายริมทาง แล้วเข้าที่พัก
เช้ามา เตรียมเช็คเอ้าว์ไปเมืองที่ห้ามพูดปด "เมืองลับแล" ระหว่างขับรถ หากมีโอกาสหาน้ำตาลสดๆดื่มแก้กระหายคลายร้อน จากร้านริมทาง
มือกลางวัน ของแอดมินเองฝากท้องไว้กับร้าน "เรือนพี่เรือนน้อง" ขนมจีนที่นี่ ทำเองสดๆ บรรยากาศแบบเรือนไม้บ้านๆ ฟินดี ผ่านมาที่ไรต้องแวะทาน
ก่อนเข้าเมืองลับแลจะผ่าน 2 วัดใหญ่ คือ วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง และวัดพระแท่นศิลาอาสน์ หากมีเวลา ควรเที่ยวทั้งสองที่
ถ่ายรูปคุ่ประตูเมืองลับแล เที่ยววัดดอนสัก ชมบานประตูไม้จำหลักโบราณ แสดงถึงชั้นเชิงในฝีมือช่างไม้ของคนในสมัยอยุธยา
แวะช็อป ดื่มน้ำ ทานอาหาร ที่ร้านม่อนลับแล ก่อนตีรถกลับ ของน่าซื้อในเมืองลับแล.... "ไม้กวาดริมแดง" ทำไมต้องริมแดง อ่านต่อ http://goo.gl/ELWcjP ทุเรียนก็ขึ้นชื่อน่ะ แต่รสชาติไม่อร่อย
ปล. แต่ละรายการท่านอาจสลับเปลี่ยนแปลงเองได้ตามความเหมาะสม
왓 프라 시 마하탓 핏싸눌록 (Wat Phra Si Mahathat Phitsanulok), 또는 왓 야이 (Wat Yai)는 1357년경(불기 1900년) 핏싸눌록 시 (Phitsanulok City)가 설립될 때 함께 건립된 사원입니다. 이 사원은 북부 태국에서 가장 중요한 불교 사찰 중 하나로, 지역 주민은 물론 태국 전역과 해외 관광객들 사이에서 영적 중심지로 숭배받고 있습니다.
사원의 중심에는 수코타이 왕조의 마하 탐마라차 1세 (King Maha Thamma Racha I)의 명령으로 주조된 수코타이 양식의 대형 청동 부처상인 프라 부다 친나라트 (Phra Buddha Chinnarat)가 있습니다. 이 부처상은 ‘마라 비차야(Mara Vichaya)’라는 우아한 자세와 섬세... read more
사원의 중심에는 수코타이 왕조의 마하 탐마라차 1세 (King Maha Thamma Racha I)의 명령으로 주조된 수코타이 양식의 대형 청동 부처상인 프라 부다 친나라트 (Phra Buddha Chinnarat)가 있습니다. 이 부처상은 ‘마라 비차야(Mara Vichaya)’라는 우아한 자세와 섬세... read more