
“ชมปราสาทขอมที่ยังสร้างไม่แล้วเสร็จ พร้อมเดินขึ้นบันได 491 ขั้นเพื่อชมวิวทิวทัศน์อันงดงาม และค้นหาความลับของปฏิทินดาราศาสตร์โบราณ ”
พระธาตุภูเพ็ก (Phra That Phu Phek) เป็นปราสาทหินโบราณที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และดาราศาสตร์ ตั้งอยู่บนยอดเขาภูพาน โดยสร้างขึ้นในสมัยขอมโบราณราวพุทธศตวรรษที่ 16 เพื่อเป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดู ก่อนจะถูกดัดแปลงเป็นพุทธศาสนสถานในภายหลัง
องค์พระธาตุสร้างด้วยหินทรายอยู่บนฐานศิลาแลง มีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุม ด้านหน้าเชื่อมต่อกับมณฑปรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตัวปราสาทสูง 7.67 เมตร ซึ่งยังสร้างไม่แล้วเสร็จ ไม่มีส่วนหลังคาและยอดปราสาท มีเพียงแค่ขื่อที่ตั้งไว้เท่านั้น
ตามตำนานพระธาตุพนมเล่าว่า กลุ่มผู้ชายสร้างพระธาตุภูเพ็กเพื่อแข่งขันกับกลุ่มผู้หญิงที่สร้างพระธาตุนารายณ์เจงเวง โดยมีข้อแม้ว่าใครสร้างเสร็จก่อนจะได้บรรจุพระอุรังคธาตุของพระพุทธเจ้า แต่ด้วยกลอุบายของกลุ่มผู้หญิงที่จุดไฟเป็นรูปดาวเพ็กขึ้นบนท้องฟ้า ทำให้กลุ่มผู้ชายเข้าใจผิดว่ารุ่งเช้าแล้วจึงหยุดการก่อสร้าง ทำให้พระธาตุภูเพ็กสร้างไม่แล้วเสร็จอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
พระธาตุภูเพ็กยังมีความโดดเด่นในด้านภูมิปัญญาโบราณ เนื่องจากตัวปราสาททำหน้าที่เป็น ปฏิทินดาราศาสตร์ โดยมีการศึกษาพบว่าแนวแสงอาทิตย์จะส่องผ่านช่องสี่เหลี่ยมของตัวปราสาทตรงกับวันสำคัญทางฤดูกาล เช่น วันที่กลางวันยาวเท่ากับกลางคืน (21 มีนาคม และ 21 กันยายน) ซึ่งแสดงถึงความรู้ทางสถาปัตยกรรมและดาราศาสตร์ของคนโบราณได้อย่างน่าอัศจรรย์
หากคุณเป็นผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และธรรมชาติ หรืออยากจะมาพิสูจน์ความมหัศจรรย์ของปฏิทินดาราศาสตร์โบราณ พระธาตุภูเพ็กคือสถานที่ที่ไม่ควรพลาด
가는 방법
-
รถยนต์ส่วนตัว: จากตัวเมืองสกลนคร ใช้ถนนทางหลวงหมายเลข 22 (สกลนคร-อุดรธานี) ถึงกิโลเมตรที่ 139 จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าถนน รพช. 2016 ไปยังบ้านภูเพ็ก และขับขึ้นเขาไปตามเส้นทางจนถึงจุดจอดรถ
-
การเดินทางขึ้นสู่องค์พระธาตุ: ต้องเดินเท้าขึ้นบันไดหินประมาณ 491 ขั้น จากจุดจอดรถ
여행 팁
-
การเดินทางขึ้นสู่พระธาตุค่อนข้างชันและต้องเดินบันไดหลายขั้น ควรเตรียมร่างกายให้พร้อม สวมใส่รองเท้าที่เดินสบาย และนำน้ำดื่มติดตัวไปด้วย
-
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการเยี่ยมชมคือช่วงเช้าตรู่หรือช่วงเย็น เพราะอากาศไม่ร้อนจนเกินไป และสามารถชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นหรือตกดินได้
-
บริเวณด้านบนมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของจังหวัดสกลนครได้อย่างกว้างไกล